บทนำ: จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือไม่?
สวัสดีครับ! ผมเคน บรรณาธิการบริหารของ Tokyo Insider Guide ครับ
“ญี่ปุ่นเป็นประเทศไฮเทค แต่ก็น่าแปลกที่เป็นสังคมเงินสด”
คุณเคยได้ยินเรื่องแบบนี้จากเพื่อนชาวต่างชาติบ้างไหมครับ? เมื่อมาถึงญี่ปุ่นจริงๆ คงไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องวุ่นวายหน้าร้านเพราะ “ใช้บัตรไม่ได้!” ใช่ไหมครับ
ผมขอสรุปเลยนะครับ สถานการณ์ปัจจุบันของญี่ปุ่นคือ “โดยพื้นฐานแล้วใช้จ่ายแบบไร้เงินสดได้ แต่การมีเงินสดติดตัวไว้นิดหน่อยจะช่วยคุณได้” ครับ อ่านบทความนี้แล้วคุณจะเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้ได้อย่างชัดเจน และความกังวลเรื่องการจ่ายเงินในญี่ปุ่นของคุณจะหมดไป!
สถานการณ์การชำระเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่น: มาทำความรู้จักกับ 3 กลุ่มหลักกัน
ก่อนอื่น วิธีที่เร็วที่สุดในการทำความเข้าใจวิธีการชำระเงินของญี่ปุ่นคือการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มครับ
① บัตรเครดิต (แบรนด์ต่างประเทศ)
หมายถึงบัตรแบรนด์ต่างประเทศเช่น Visa และ Mastercard เป็นทางเลือกพื้นฐานที่สุดที่สามารถใช้ได้ในร้านค้าส่วนใหญ่ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารในเครือ

② บัตร IC สำหรับการเดินทาง
เป็นบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบเติมเงิน เช่น Suica และ Pasmo เดิมทีเป็นบัตรสำหรับใช้ขึ้นรถไฟ แต่ปัจจุบันกลายเป็นตัวหลักในการชำระเงินจำนวนน้อยๆ ทั่วเมือง เช่น ที่ร้านสะดวกซื้อ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญในสถานีรถไฟ สำหรับนักท่องเที่ยว ขอแนะนำ Welcome Suica ซึ่งไม่ต้องวางเงินมัดจำ

③ การชำระเงินผ่าน QR Code
เป็นวิธีการชำระเงินโดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เช่น PayPay และ Rakuten Pay ถึงแม้จะแพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์และบัญชีธนาคารของญี่ปุ่นในการลงทะเบียน ดังนั้น ควรจำไว้ว่านี่แทบจะไม่ใช่ทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาในระยะสั้น
【สำหรับนักท่องเที่ยว】นี่คือข้อสรุป! การผสมผสานวิธีการชำระเงินที่ดีที่สุด
แล้วนักท่องเที่ยวควรทำอย่างไรดี? ผมจะอธิบายคำแนะนำตามสถานการณ์ต่างๆ ครับ
สถานการณ์ที่ ①: การชำระเงินจำนวนมากที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร
เรื่องนี้ง่ายมากครับ วิธีที่ดีที่สุดคือใช้บัตรเครดิตที่คุณใช้ในประเทศของคุณในการชำระเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็น Visa หรือ Mastercard แทบจะไม่มีปัญหาเลยครับ ช่วงนี้เครื่องคิดเงินที่รองรับการชำระเงินแบบแตะ (NFC) ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ที่ ②: การชำระเงินจำนวนน้อยสำหรับรถไฟ ร้านสะดวกซื้อ และตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสถานการณ์นี้คือ “บัตร IC สำหรับการเดินทาง (Suica / Pasmo)” ครับ ด้วยบัตรใบนี้ คุณสามารถขึ้นรถไฟได้โดยไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว ซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อ และซื้อน้ำจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเมื่อกระหายน้ำ ความราบรื่นนี้เมื่อได้ลองแล้วจะติดใจจนขาดไม่ได้เลยครับ คุณสามารถซื้อและเติมเงินบัตรได้อย่างง่ายดายที่เครื่องจำหน่ายตั๋วในสถานีหลักๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง: [ฉบับล่าสุด 2025] คู่มือฉบับสมบูรณ์ Suica & PASMO: บัตรที่ใช่สำหรับคุณคือใบนี้!
สถานการณ์ที่ ③: ร้านอาหารเล็กๆ แบบดั้งเดิม ร้านค้าในต่างจังหวัด และวัด
ถึงเวลาของ“เงินสด”แล้วครับ ในร้านราเม็งที่ดำเนินกิจการโดยเจ้าของคนเดียว ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว (เช่น วัดและศาลเจ้า) และร้านขายของที่ระลึกในต่างจังหวัด ยังคงมีสถานที่ที่รับเฉพาะเงินสดอยู่ไม่น้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานที่เหล่านี้ การพกเงินสดติดตัวไว้ประมาณ 10,000 เยนจะทำให้คุณอุ่นใจครับ
เคล็ดลับที่มีประโยชน์
จะหาเงินสดได้ที่ไหน?
แม้ว่าเงินสดจะหมด ก็ไม่ต้องตกใจครับ 7-Eleven (ตู้ ATM ของธนาคาร Seven Bank) และ ที่ทำการไปรษณีย์ (ตู้ ATM ของธนาคาร Japan Post Bank) เป็นเพื่อนแท้ของนักท่องเที่ยว ที่คุณสามารถถอนเงินเยนของญี่ปุ่นได้โดยใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่ออกในต่างประเทศ

การชำระเงินผ่าน QR Code ที่ใช้ไม่ได้ และที่ใช้ได้
ดังที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ คุณไม่สามารถใช้บริการอย่าง PayPay ได้ แต่ Alipay+ และ WeChat Pay เป็นข้อยกเว้นครับ จำนวนร้านค้าที่ยอมรับการชำระเงินเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปบ่อย เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามบิน และร้านขายยา
สรุปจากเคน: แค่เตรียม 3 อย่างนี้ก็พร้อมลุย!
ผมได้อธิบายไปหลายอย่าง แต่สรุปแล้วง่ายมากครับ เมื่อคุณเดินทางมาถึงญี่ปุ่น แค่เตรียม 3 อย่างนี้ก่อนเลย
- พกบัตร “Visa หรือ Mastercard” จากประเทศของคุณไว้ในกระเป๋าสตางค์หนึ่งใบ
- เมื่อถึงสนามบิน แลกเงินสดไว้ก่อนเลยประมาณ “10,000 ถึง 20,000 เยน”
- เมื่อไปถึงสถานีรถไฟหลักๆ ให้ทำบัตร “Suica หรือ Pasmo” ทันที แล้วเติมเงินเข้าไปประมาณ 3,000 เยน
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนนี้ 99% ของการชำระเงินในการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นของคุณจะราบรื่น ไม่มีปัญหา ไม่ต้องลังเลหน้าร้านอีกต่อไป ขอให้สนุกกับการเที่ยวญี่ปุ่นอย่างชาญฉลาดและสะดวกสบายนะครับ!
コメント